หุบเขาวง หรือ ที่ใครๆ ชอบเรียกว่า ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี ที่เที่ยวแห่งใหม่ ที่เรา A day scape เก็บบรรยากาศมาฝากกัน
เมื่อปลายปีที่แล้วรุ่นพี่ที่น่ารักของเราซึ่งเป็นคนสุพรรณเปรยว่าจะไปกลางเต็นท์นอนที่เขื่อนกระเสียวจังหวัดบ้านเกิดเค้า พอกลางเดือนมกราคมเค้าก็โทรมาชวน แต่ว่าไม่ได้ไปที่เดิมนะ เค้าบอกว่า “ปางอุ๋ง สุพรรณ” เป็นที่เที่ยวใหม่ อีก 2 วันจะไปแล้ว ไปป่าว? ไอ้เราก็คนใจง่าย ตอบแบบไม่คิด “ไปๆๆ”
หลังจากจัดของเรียบร้อย นัดแนะเวลากันเสร็จสรรพ เราก็ออกเดินทางตั้งแต่ตี 5 วันจันทร์เพื่อหนีรถติด รุ่นพี่ของเรารออยู่ที่บ้านเค้าแล้ว บอกให้ไปรวมพลที่บ้านก่อนแล้วค่อยไป “ปางอุ๋ง สุพรรณ” ตามแผน ขับตามทางมาเรื่อยใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ จนเข้าตัว จ.สุพรรณบุรี ปรากฏว่าหมอกลงหนามาก ชนิดที่ว่า 100 เมตรข้างหน้ามองไม่เห็นทาง และแล้วเราก็หลง!!! เพราะมองไม่เห็นป้ายบอกทาง ระหว่างหลงทางเราก็มองข้างทางไปเรื่อยและเริ่มมีอารมณ์อยากถ่ายรูป เหมือนจักรวาลจัดระบียบ เรารีบบอกรุ่นน้องคนขับให้หยุดรถเดี๋ยว เดี๋ยวพี่จะวิ่งไปฝั่งตรงข้ามแป๊บ ขอไปถ่ายรูปแป๊บนึง แล้วเราก็ได้รูปข้างล่างนี้มา
ถ่ายรูปเสร็จ งมทางต่อ จนถึงบ้านรุ่นพี่จนได้ เดอะแก๊งยังมาไม่ครบ กว่าจะมาถึงก็บ่าย เอาไงดี? เราไม่เคยไปสุพรรณมาก่อน ไหนๆ ก็ต้องรอแล้ว ให้เค้าพาเที่ยวในเมืองก่อนละกัน
หมู่บ้านมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง หรือเรียกสั้นๆ ว่า “หุบเขาวง”
ตกบ่ายมากันครบทีมหาซื้อเสบียง ของสด ไปปิ้งย่าง เตรียมทุกอย่างให้พร้อมกันพลาดเพราะเราโทรติดต่อคนดูแลสถานที่ไม่ได้มา 2 วันแล้วเลยเช็คไม่ได้ว่าทางเค้ามีหรือไม่มีอะไร รู้แต่ว่าเตาถ่านเค้ามีให้
สำหรับเส้นทางการไป อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง หรือ “ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี” สอบถามรุ่นพี่ได้ความว่ามันไปได้หลายทาง เราแนะนำว่าให้ตั้ง GPS ไปวัดพุน้ำร้อน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ถ้าตั้งไปที่ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง เลยมันจะหาไม่เจอ
ในแผนที่เราอยู่ตรงสามแยกทางเข้า หุบเขาวง เดี๋ยวไปดูรูปกันต่อ เมื่อถึงตรงนี้ก็ไม่ยากแล้วจะมีป้ายบอกทางไปตลอด ไปอีกประมาณ 8 กิโลก็ถึง
ระหว่างทางจะมีไร่อ้อย ไร่มัน มีภูเขาเป็นฉากหลังสวยงามดูกันเพลินๆ
นี่เป็นป้ายสุดท้ายแล้วก่อนจะเข้า หุบเขาวง
เราไปถึงเย็นๆ วันธรรมดาคนไม่เยอะมากแต่แพนอนที่มี 5-6 หลังก็เต็ม หลายกลุ่มจองที่กางเต็นท์กันเรียบร้อยแล้ว เราก็จับจองพื้นที่เหมาะกางเต็นท์ ก่อเตาเตรียมปิ้งย่าง เดินสำรวจพื้นที่ พูดคุยกับคนท้องถิ่น ได้รับการต้อนรับอันอบอุ่นบวกกับสำเนียงเหน่ออันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เรารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากพูดคุยก็ได้ความว่า หุบเขาวงเกิดจากการรวมกันของชาวบ้านแถวนั้นโดยมีพระหลวงพ่อเป็นผู้นำในการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อนำรายได้เข้าชุมชน ทำพิธีเปิดไปเมื่อ 4 ธันวาคม 2558 หมายความว่าที่นี่ยังใหม่มาก ไฟฟ้ายังไม่เข้าต้องใช้ปั่นไฟ แต่ค่ำๆก็ตัดไฟแล้ว สัญญาณมือถือแทบไม่มี ห้องน้ำกำลังสร้างเพิ่มจากที่มีห้องอาบน้ำ 1 ห้องส้วม 1 และกำลังสร้างศาลาอยู่
ด้วยความที่หุบเขาวง ไม่ไกลมากสังเกตว่ามีหลายกลุ่มเหมือนกันที่แวะมาถ่ายรูปอย่างเดียวแล้วก็กลับ ไม่ค้าง ถ้าใครตั้งใจมาค้างวันหยุดควรมาจองที่กันแต่เนิ่นๆ เพราะเค้าบอกว่าที่ผ่านมากางกันเต็มพื้นที่ อาหารการกินไม่ต้องห่วงใครไม่ได้เตรียมมาที่นี่มีขายในราคาถูกมาก อาหารตามสั่งจานละ 30-35 บาทเท่านั้นเอง แต่ 2-3 ทุ่มเค้าก็ปิดแล้ว
สะพานไว้ข้ามไปแพทานอาหาร เป็นแพแบบสาวเชือก ต้องรอให้พี่ๆ เค้ามาสาวให้
ส่วนรูปนี้เป็นแพนอน สำหรับคนที่จองนอนแพไว้
พอมืดที่นี่ก็ไม่มีไฟฟ้าแล้ว แต่เค้าจุดคบเพลิงพอให้มีแสงสว่างได้อยู่ ส่วนไฟที่ห้องน้ำไม่ต้องห่วงเค้าใช้เป็น LEDให้แสงสว่าง
เอาละ! มืดแล้วไปนับดาวกันดีกว่า อากาศเย็นกำลังสบายไม่หนาว แต่ยุงดุมาก
ตื่นมาแต่เช้าจิบชากาแฟที่เค้าเตรียมไว้ให้ แอบเก๋โดยใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นกาและแก้ว
จิบกาแฟ สูดอากาศบริสุทธิ์ ถ่ายรูปแสงเช้ากันต่อเลย
แก๊งเราตกปลาช่อนได้ตัวเบ่อเริ่มแต่ไม่มีใครทำเป็น ปรึกษากันว่าให้แม่ครัวเค้าทำให้ละกัน เค้าทำต้มยำมาได้ 3 ชาม เค้าไม่คิดค่าทำแถมบอกอีกว่าเครื่องปรุง ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูดหาเอาแถวนี้ไม่รู้จะคิดเงินไปทำไม อร่อยมากแต่เราหิวหน้ามืดเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เราทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจไปกับน้ำใจคนที่นี่จริงๆ
สายเกือบเที่ยงแล้วเริ่มร้อนอาบน้ำกลับบ้านกันดีกว่า ถ้ามีโอกาสเราคงกลับมาสัมผัสธรรมชาติ นอนตากลม นับดาวที่นี่อีกแน่