ความเดิมตอนที่แล้ว วันแรกเราออกเดินทางจากดอนเมือง สู่คุนหมิง และนั่งเครื่องต่อมาที่ลี่เจียง ได้พบกับความประทับใจมากมาย วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังต่อถึงความงามของลี่เจียงเมืองเก่ากัน

ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอนแรก แวะไปดูที่นี่ได้เลย >>> เรื่องเล่าจากเมืองเก่า คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า EP1


— DAY 2 —

Lijiang 丽江 ลี่เจียง

Baisha Village 白沙村 – Shuhe Old Town 束河古镇 – Lijiang Old Town 丽江古城

เรามีเวลาอยู่ ลี่เจียง อีก 2 วันเต็มๆ ไฮไลท์ของที่นี่ ที่ใครๆต้องไปคือ ภูเขาหิมะมังกรหยก ขึ้นไปชมความงามบนยอดเขาที่ระดับความสูงเกินกว่า 4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศด้านบนเบาบาง มีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ความสูงได้ง่ายๆ เราเลยวางแผนที่จะสร้างความคุ้นเคยให้กับร่างกายก่อน โดยที่วันนี้เราจะอยู่ที่ราบกันทั้งหมด เพื่อปรับตัวให้คุ้นชินแล้วพรุ่งนี้ค่อยไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ตื่นเช้ามาเพิ่งจะได้เห็นบรรยากาศของ Hostel ที่ตัวเองพักชัดๆ ว่ามันน่ารักมาก เหมือนอยู่ในหนังจีนกำลังภายใน มีที่นั่งเล่นอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยห้องพักที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคารรูปทรงโบราณ

Yiliu Hostel 01

Yiliu Hostel ตั้งอยู่บนถนน Qiyi Street ใน Lijiang Old Town คนจีนจะออกเสียงว่า ลี่เจียง กู่เฉิง

Yiliu Hostel 02Yiliu Hostel 03

เราชื่นชมกับบรรยากาศของโรงแรมสักพัก แล้วตั้งใจเดินออกไปหาอะไรกินกันก่อนที่จะไปยังจุดหมายแรกคือ Baisha Village พอก้าวเท้าออกมา มองไปฝั่งตรงข้าม ก็เห็นร้านอาหารเปิดอยู่แต่เช้า ประตูบานเฟี้ยมโบราณที่ยังเปิดไม่ครบทุกบาน กับโต๊ะไม้ในร้านเพียงไม่กี่โต๊ะ มุมขายอาหารหน้าร้านที่มีไม่มากนัก แต่แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับมื้อเช้าของเราในวันนี้ เมนูง่ายๆ น้ำเต้าหู้ กับปาท่องโก๋ ซาลาเปา และไข่ต้มใบชา (ใบชารึป่าวไม่แน่ใจ) บอกได้คำเดียวว่า ฟินนนนน!!! มากกกก

ลี่เจียง 01ลี่เจียง 02 ลี่เจียง 03

อ่อลืมบอกไป น้ำเต้าหู้เค้าจะใส่ชามเล็กมาให้ แต่ไม่มีช้อนมาด้วย คาดว่าเค้าจะใช้วิธียกซดกันนะ กินอิ่มสบายท้อง ทีนี้ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวเมืองเก่ากันแล้ว กว่าจะเดินออกจากเมืองเก่าลี่เจียงไปขึ้นรถได้ เราใช้เวลาพอสมควร ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่นะ เดินไปไม่กี่ก้าว ก็เป็นอันต้องหยุดถ่ายรูปตลอด เห็นอะไรก็แปลกตา สวยไปหมด ตั้งแต่ซอยในโรงแรม ไปจนถึงป้ายรถเมล์ เมืองเก่ายามเช้าแบบนี้ บรรดาร้านรวงต่างๆยังไม่เปิดมากนัก คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่จะมีคนคอยเดินเข้ามาเสนอแพคเกจไปเที่ยวอยู่เรื่อยๆ ตลอดทาง แต่ส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะ

ลี่เจียง 04ลี่เจียง 05ลี่เจียง 06

ระหว่างที่เราเดินๆหยุดๆ ก็เจอ Tourist Information ตอนที่ถามทางไปโรงแรมเมื่อคืนนี้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไป Baisha Village โดยการนั่ง Taxi ไป เพราะเราไม่รู้ว่ามีรถเมล์สายไหนผ่านบ้าง แต่เห็น Information เค้าเปิดแล้วเราเลยเข้าไปคุยด้วยดีกว่า เข้าไปถามสายรถเมล์ที่ไป Baisha Village ได้ความว่าให้นั่งสาย 6 ไปคนละ 1 หยวนเอง ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง (เราเดาว่าถ้านั่ง Taxi น่าจะไม่ต่ำกว่า 30-40 หยวน นั่งรถเมล์ไปนี่แหละ Local ดี) เดินไปถึงทางเข้าเมืองเก่า ใกล้ๆกับกังหัน จะเจอที่เก็บเงินค่าเข้าเมืองเก่า คนละ 80 หยวน (ต้องเก็บไว้ให้ดีๆเลย อันนี้ต้องใช้หลายที่)


Baisha Village – 白沙村

จากเมืองเก่าลี่เจียง ไป Baisha Village ให้ขึ้นรถเมล์สาย 6 จะถึงเลย ก่อนขึ้นเราเอาภาษาจีนที่เตรียมมาโชว์ให้คนขับดูว่าไปที่นี่ใช่มั้ย? คนขับพยักหน้า เป็นอันว่าใช่ละ รีบขึ้นแล้วจ่ายเงิน วิธีการจ่ายเงินก็ไม่ยาก เตรียมเงิน 1 หยวนให้พอดี หย่อนลงในกล่องข้างคนขับ แล้วก็ไปหาที่นั่งได้ (แต่…เรายืนตลอดทาง ไม่มีที่นั่งคนเพียบเลย)

ผ่านด่านแรก ขึ้นรถเมล์ถูกสาย ด่านต่อไปนี่สิ สำคัญกว่า คือไม่รู้ว่าจะต้องลงตรงไหน คนในรถก็เยอะ จะเดินไปบอกให้คนขับช่วยบอกเราหน่อยถ้าถึงแล้ว คนก็เยอะเกิน เอาเป็นว่ายืนไปเรื่อยๆ ก่อนละกัน มีรูปด้านหน้าหมู่บ้านเซฟมาด้วย ที่ไหนดูเป็นชุมชนดูเหมือนในรูปก็ลงตรงนั้นแหละ…

ผ่านไปหลายนาที รถขับออกนอกเมืองไกลไปเรื่อยๆ เริ่มสงสัยว่า เรายังไม่เลยป้ายใช่มั้ยวะเนี่ย? ต้องหาวิธีถามเพื่อความชัวร์ซะหน่อยละ มองซ้ายมองขวาหาคนท้องถิ่น ที่ดูท่าทางจะพูดอังกฤษได้บ้าง…ซ้าย ขวา หน้า หลัง สแกนรอบตัว…ความเป็นไปได้ที่จะมีคนพูดอังกฤษได้นั้น ประเมินจากสายตาแล้วคือ ไม่มีเลย 55555

เวลาเราไปต่างถิ่น เราจะท่องไว้ว่า ต้องหัดสังเกตุให้มากขึ้น เมื่อเรายืนอยู่บนรถมองเห็นคนข้างหน้าใส่ชุดชนเผ่า เหมือนในรูปที่เซฟมา เดาว่าเค้าต้องลงที่เดียวกับเราแน่ๆ เราเลยสะกิดเค้าเบาๆ กลัวเค้าตกใจ (ยิ่งสะกิดเบายิ่งตกใจป่าววะ) แล้วงัดโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์ภาษาจีนให้ดู แล้วเค้าก็ชี้ไปข้างหน้า แสดงว่ายังไม่ถึง โอเคโล่ง! เดี๋ยวถ้าถึงเค้าคงบอกเรามั้ง (คิดเอาเองล้วนๆ)

หลังจากยืนอยู่บนรถประมาณครึ่งชั่วโมง ป้าชนเผ่าหันมาบอกให้เราลงตรงนี้ อ้าว! ป้าไม่ลงด้วยกันรึ นึกว่าจะลงที่เดียวกันซะอีก ดีนะที่ถามก่อนไม่งั้นกะว่าจะกระโดดลงรถพร้อมป้าแล้ว แบบว่าป้าไปไหนเราไปด้วย

Baisha Village 01

ลงจากรถเมล์ เดินมาทางป้าย Baisha Murals จะเจอทางเข้าหมู่บ้าน ทางเข้าหมู่บ้านมี 2 ทางแบบเสียค่าเข้ากับไม่เสีย ถ้าเข้าทางเดียวกับเราจะต้องเสียค่าเข้าคนละ 30 หยวน (ถ้าใครยังไม่ได้เสียค่าเข้าเมืองเก่า ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 80 หยวน) แล้วต่างกันยังไง ระหว่างเสียกับไม่เสีย คือ ถ้าเข้าทางนี้เราจะได้ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีอายุกว่า 300 ปี ตั้งแต่ต้นราชวงศ์หมิงถึงราชวงศ์ชิง ถ้าเข้าอีกทางก็จะเข้ามาชมจิตรกรรมนี้ไม่ได้

Baisha Village 02

เราสามารถมองเห็นภูเขาหิมะมังกรหยก จากหมู่บ้านนี้ได้แบบใกล้ๆเลย

Baisha Village 03

บรรยากาศเงียบสงบ แทบไม่มีนักท่องเที่ยว

Baisha Village 04

มีดอกไม้ที่เริ่มผลิดอกให้เห็นประปราย

Baisha Village 05

ทางเข้า Dabaoji Palace เพื่อเข้าไปชมภาพจิตรกรรมที่มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี

Baisha Village 06 Baisha Village 07

หลังจากชื่นชมกับงานศิลปะที่หาดูได้ยากแล้ว เราจะเดินไปดูบรรยากาศภายในหมู่บ้านกันต่อ เดินชมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชนเผ่า Naxi ในหมู่บ้านแห่งนี้กัน… จากภาพจิตรกรรม เดินไม่ไกลจะพบกับตรอกเล็กๆที่มีร้านขายของพื้นเมืองและของที่ระลึกวางเรียงรายตลอดสองข้างทาง

ประตูทางเข้าตรอกนี้เป็นเขตกั้นระหว่างคนที่เสียกับไม่เสียค่าเข้า คือถ้าคนที่เดินมาจากทางที่ไม่เสียเงิน จะมาสุดได้แค่ประตูนี้เท่านั้น

Baisha Village 08 Baisha Village 09

ออกจากตรอกเล็กๆมา เราจะเริ่มได้เห็นบ้านเรือนของผู้คนในหมู่บ้าน รวมถึงร้านค้าต่างๆมากขึ้น บรรยากาศภายในหมู่บ้านค่อนข้างเงียบสงบ ผู้คนใช้ชีวิตกันแบบช้าๆ ดูไม่ได้รีบร้อนอะไร นักท่องเที่ยวเริ่มมีให้เห็นบ้าง แต่ก็ค่อนข้างบางตา ต่างกับในลี่เจียงเมืองเก่า ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศนิยมไปกัน ซึ่งแพลนเราวันนี้ จะกลับไปสำรวจลี่เจียงเมืองเก่าในช่วงเย็น ตอนนี้เราขอดื่มด่ำกับชุมชนเก่าๆที่เงียบสงบแห่งนี้ก่อน

Baisha Village 10 Baisha Village 11 Baisha Village 12 Baisha Village 13

ระหว่างที่เรากำลังเดินชมหมู่บ้าน และถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน ป้าชนเผ่า Naxi คนนึงเดินเข้ามาหา

ป้าชนเผ่า Naxi : ถ่ายรูปมั้ย 5 หยวน

เรา : แหม่ป้า!! มี 4 หยวนอ่ะ ได้มั้ย?

ป้าชนเผ่า Naxi : ก็ได้ๆ

เรา : เอ้าถ่ายก็ถ่าย 4 หยวนเอง ก็ถือว่าช่วยแกไป

ปกติชนเผ่า Naxi ส่วนใหญ่เป็นคนขี้อายไม่ค่อยชอบให้ถ่ายรูป ขอถ่ายก็ไม่ค่อยให้ถ่าย เจอป้าแกเสนอตัว เลยถ่ายซะหน่อย เอากล้องใหญ่ถ่ายเสร็จ เซลฟี่หน่อยดีกว่า ป้ามาถ่ายด้วยกัน มองตรงนี้นะ แชะ!!!

เรา : ควักตังค์ให้ 4 หยวน

ป้าชนเผ่า Naxi : ชี้ไม้ชี้มือมาที่เรา 2 คน กับกล้อง 2 ตัว (ตัวใหญ่ตัวนึงกับ gopro ที่เอามาเซลฟี่) ประมาณว่าถ่ายคนละกล้องใช่มั้ย เอามาเลยคนละ 4 หยวน!!

เรา : ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มาด้วยกัน 4 หยวนสิป้า

ป้าชนเผ่า Naxi : ป้าทำท่าไม่ยอม

เรา : ควักเหรียญเจออีก 1 หยวน เลยบอกว่า 5 หยวนละกัน ok มะ หยวน หยวน น่า

ป้าชนเผ่า Naxi : ก็ดะ

คุณป้า 5 หยวน เราขอมอบชื่อนี้ให้กับป้านะ ชื่อนี้เหมาะกับป้ามาก

Baisha Village 14Baisha Village 15

หลังจากแยกย้ายกับป้า 5 หยวนเรียบร้อย เราก็เดินสำรวจหมู่บ้านต่อ ระหว่างทางเจอหมาหน้าตาตลก เลยเข้าไปเล่นกับมันแป๊บนึง แล้วเดินต่อ ก็ไปเจออีกตัวไม่รู้ไปตกโคลนที่ไหนมา หมาที่นี่อย่างที่บอกหน้าตาตลก หน้าตาเหมือนกันมีแต่หมาหน้าสั้น 5555

Baisha Village 16 Baisha Village 17Baisha Village 18Baisha Village 19

เดินไปเรื่อยๆ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ไม่นานเราก็เดินมาเจอกับทางเข้าที่ไม่ต้องเสียเงินค่าเข้า และในที่สุดก็ได้รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน เอาจริงๆ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะเสียเงิน 30 หยวนแล้วไปดูภาพจิตรกรรมหรอก แต่คือเราหาทางเข้าอีกทางที่ไม่ต้องเสียเงินไม่เจอ 5555

Baisha Village 20

นี่คือหน้าตาทางเข้าที่ไม่ต้องเสียเงิน ถ้าจะเข้าทางนี้เมื่อลงจากรถเมล์ให้หันหน้าเข้าถนนแล้วเดินไปทางซ้าย ถ้าเดินไปทางขวาแบบเราคือทางที่จะดูภาพจิตรกรรม…จาก Baisha Village เราจะไป Shuhe Old Town กันต่อ รู้มาว่าต้องนั่งสาย 6 พอสาย 6 มาเราเลยเอาชื่อ Shuhe Old Town ภาษาจีนให้คนขับดู เค้าส่ายหน้าว่าไม่ไป งงเลยดิทีนี้ เอางัยดี เจอป้าร้านขายถั่วข้างป้ายรถเมล์ เลยเข้าไปถาม ป้าแกบอกให้นั่งรอตรงนี้นะ เราคิดว่าคงเหมือนเดิม พอรถเมล์มาคงบอกให้เราขึ้นรถเองแหละ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มีรถเมล์สาย 6 มา ป้าบอกให้ขึ้นคันนี้ เราก็เอ๊ะ! คันที่แล้วก็สาย 6 เค้าบอกไม่ไปนี่หว่า แต่เราดูดีดีอีกที เห็นว่าเป็นสาย 6A เราถึงกับร้องอ๋อ!! แบบนี้นี่เอง 6A นะ ค่ารถคนละ 1 หยวนเหมือนเดิม


Shuhe Old Town – 束河古镇

ถึง Shuhe Old Town ใช้วิธีการเดิม ถามคนบนรถว่าต้องลงตรงไหน ดีที่คนนั้นลงที่เดียวกัน แล้วก็บอกว่าให้เข้าทางนี้นะ เราก็เข้าตามที่เค้าบอก จากที่หาข้อมูลมา ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าเมืองเก่าคนละ 50 หยวน แต่เดินเข้าไปสักพักเราไม่เห็นว่าจะมีที่จ่ายเงินตรงไหน เราเลยเดาว่าที่เค้าบอกให้เราเข้าทางนี้ เพราะทางนี้ต้องไม่เสียเงินค่าเข้าแน่ๆเลย

Shuhe Old Town อยู่ห่างจาก Lijiang Old Town ประมาณ 4 กม. ขนาดของเมืองดูแล้วน่าจะเล็กกว่าลี่เจียงเมืองเก่า ปริมาณนักท่องเที่ยวก็ไม่มากเท่าไหร่ ถ้าใครไม่ชอบคนเยอะ อยากหลีกหนีความวุ่นวาย ความคึกคักน้อยหน่อย แต่ก็ยังอยากซึมซับบรรยากาศของเมืองเก่าอยู่ แนะนำให้มาพักที่นี่ได้ มีที่พักให้เลือกหลายที่อยู่เหมือนกัน แต่การเดินทางอาจไม่สะดวกสบายเท่าลี่เจียงเมืองเก่าเท่าไรนัก

Shuhe Old Town 01

ซอยข้างป้ายสีเหลืองนั่น คือทางเข้าที่เราเข้าไป

มาถึง Shuhe Old Town ท้องร้องพอดี ขอหาอะไรกินก่อนดีกว่า เดินหาร้านที่มีเมนูรูปภาพ เพราะถ้ามีแต่ภาษาจีนอย่างเดียวมีหวังไม่ได้กินแน่ จนมาเจอร้านนี้ มันคืออะไรบ้างไม่รู้ แต่ที่รู้คือเยอะมาก แล้วก็อร่อยด้วย

Shuhe Old Town 02

อิ่มแล้วเดินต่อได้…Shuhe Old Town ตอนแรกไม่รู้ว่าต้องออกเสียงยังไง ชู่เหอ กู่เฉิง รึป่าว? ไม่แน่ใจ (กู่เฉิง แปลว่า เมืองเก่า) แต่เวลาถามใครแล้วออกเสียง ชู่เหอ โดนทำหน้างงใส่กลับมาตลอด จริงๆแล้วเค้าต้องออกเสียงว่า ชู่เค่อ กู่เฉิง นะ บรรยากาศที่นี่ ก็คล้ายๆกับที่ลี่เจียงเมืองเก่า แต่คนน้อยกว่า ร้านค้าน้อยกว่า เงียบสงบมากกว่า ได้เห็นวิถีความเป็นอยู่ของคนที่นี่มากกว่า ไปดูบรรยากาศกัน

Shuhe Old Town 03

Shuhe Old Town 04

เด็กน้อยที่หน้าตาออกไปทางทิเบตคนนี้ กำลังช่วยซ่อมทางเมืองเก่าอยู่ ^^

Shuhe Old Town 05

รถขายผลไม้ในเมืองเก่า

Shuhe Old Town 06 Shuhe Old Town 07 Shuhe Old Town 02 Shuhe Old Town 09 Shuhe Old Town 10 Shuhe Old Town 11


 Lijiang Old Town 丽江古城

แพลนของเราวันนี้ คือการอยู่บนที่ราบ ก่อนจะไปไต่ระดับความสูงที่ ภูเขาหิมะมังกรหยก ในวันพรุ่งนี้ ทั้งวันจะไปชื่นชมเมืองเก่าอย่างเดียว เราพักที่ Lijiang Old Town แต่เลือกจะออกไปเมืองเก่าที่อื่นก่อน ไปที่ไกลๆก่อน แล้วค่อยกลับมา Lijiang Old Town เพราะอยากจะชมวิวทะเลหลังคาเมืองเก่ายามเย็น สัมผัสสีสันและความคึกคักยามค่ำคืน

จาก Shuhe Old Town เรานั่งรถเมล์สายเดิมกลับมา คือ สาย 6A ยามเย็นของเมืองเก่าลี่เจียง คึกคักมาก ทั้งคน ทั้งร้านค้าเยอะไปหมด แต่เดินไปเรื่อยๆสังเกตุได้ว่าร้านจะเริ่มซ้ำๆละ คือขายของเหมือนกัน เอกลักษณ์อย่างนึงของที่นี่ คือทุกตรอกซอกซอยของลี่เจียง จะมีร้านขายกลอง แต่ไม่ใช่ว่าจะเอากลองมาวางขายเฉยๆเท่านั้นนะ จะมีสาวๆมานั่งตีกลองให้ฟังด้วย เปิดเพลงไปด้วยตีกลองไปด้วย ทุกร้าน ทุกซอยจะเล่นเพลงเดียวกันหมด เดินไปไม่นานเดี๋ยวก็ฮัมเพลงตามได้ เพลงอื่นก็มีอ่ะนะ แต่มันจะมีอยู่เพลงนึงที่ฮิตมากได้ยินตลอดทาง จนเราก็อดถามไม่ได้ว่า ชื่อเพลงอะไร ถามไปถามมาได้ซื้อแผ่นกลับมาฟังด้วยเลย ถ้าใครไปช่วงเดียวกับเรา ช่วงปลายเดือนมีนาคม คงได้ยินเพลงฮิตเพลงเดียวกัน ชื่อเพลง เฉียว เป่า เป

ลี่เจียง 07ลี่เจียง 08ลี่เจียง 09

เดินชมบรรยากาศเมืองโบาณยามเย็น กับอากาศเย็นๆ เคล้าเสียงเพลงจากกลองตลอดทาง…

ลี่เจียง 10 ลี่เจียง 11ลี่เจียง 12 ลี่เจียง 13ลี่เจียง 14 ลี่เจียง 15

ตกเย็นตั้งใจจะไปดูวิวทะเลหลังคา ของเมืองเก่าลี่เจียง ที่ Lion Hill Scenic Area เสียค่าเข้าคนละ 50 หยวน ถ้าขึ้น Wangu Tower ด้วยเสียค่าขึ้นอีกคนละ 15 หยวน (อันนี้คือที่หาข้อมูลไว้ก่อนไป) เอาเข้าจริงเราไม่ได้ไปดูที่นี่ เพราะระหว่างทางที่ไปดูวิว เราเจอร้านอาหารและเครื่องดื่มอยู่หลายร้าน สามารถมองเห็นวิวทะเลหลังคาได้เหมือนกัน ลองเข้าไปดูบรรยากาศภายในร้าน โอ้โห! ชิลมาก สวยมาก เราเลยเลือกที่จะนั่งตามร้านแบบนี้ดีกว่า เอาเงินค่าเข้ามาจ่ายเป็นค่าน้ำแทน ได้นั่งชมวิว จิบชากาแฟไปเพลินๆ

ลี่เจียง 16ลี่เจียง 17ลี่เจียง 18ลี่เจียง 19

พระอาทิตย์ตกดิน จากที่นั่งกันอยู่ชิลๆ เริ่มไม่ค่อยชิลละ เพราะอากาศเย็นและลมก็แรงมาก ถ้านั่งนานกว่านี้มีหวังไข้ขึ้นแน่ จ่ายตังค์แล้วไปเดินที่อื่นต่อดีกว่า อ่อ! ให้ข้อมูลไว้นิด เผื่อใครลังเลว่าจะไปที่จุดชมวิวหรือนั่งตามร้านดี เราสั่งชาเขียว 1 ขวด กับ โค๊กอีก 1 กระป๋อง ทั้งหมด 90 หยวนนะ ไปเดินชมเมืองเก่ายามค่ำคืนกันต่อดีกว่า

ลี่เจียง 20 ลี่เจียง 21 ลี่เจียง 22ลี่เจียง 23

หลังจากเดินชมสีสันยามค่ำคืน ก่อนจะกลับที่พัก เราแวะไปถามข้อมูลสำหรับพรุ่งนี้ที่ Tourist Information ซะหน่อย ว่าถ้าจะไปภูเขาหิมะมังกรหยก จะไปยังไงดี คือจริงๆก็หาข้อมูลมาแล้วแหละ แต่เผื่อได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากที่รู้มา และแล้วก็แจ๊คพอต!!!!!! Information บอกว่า

พรุ่งนี้กระเช้าที่จะขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก ปิด!!!!! และที่น่าช้ำใจยิ่งไปกว่านั้น เค้าบอกว่าปิดพรุ่งนี้แค่วันเดียวด้วย

เฮ้ยยยยยยยย…คือเรามีเวลาอยู่ลี่เจียงพรุ่งนี้อีกวันเดียวเองไง แล้วภูเขาหิมะมังกรหยก ก็คือไฮไลท์ของที่นี่ไง ตั้งใจมาที่นี่มากไง คืออะไร ตอนนั้นสตั้นไป 3 วิ ไม่สิ 3 วิน่าจะน้อยไปเอาเป็นว่านานกว่านั้น ทำอะไรไม่ได้คิดซะว่า สงสัยจักรวาลคงกำลังจัดระเบียบให้เรากลับมาที่นี่ใหม่อีกครั้งมั้ง 555 ยืนคุยกับ Information อยู่นาน ให้เค้าแนะนำว่า แล้วพรุ่งนี้เราจะไปไหนดี มีที่ไหนแนะนำมั้ย?

สีสันของการเดินทาง คือการที่ได้เจอกับอะไรที่คาดไม่ถึงแบบนี้แหละ


หลังโดนหักอกไม่ได้ขึ้นยอดเขาหิมะมังกรหยก ตอนต่อไปมาติดตามกันว่าเราจะได้ไปที่ไหนบ้าง

 

Previous Post
Next Post

One thought on “เรื่องเล่าจากเมืองเก่า คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า EP2 : หลงเสน่ห์ 3 เมืองเก่าลี่เจียง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.