ผ่านไปแล้ว 2 ตอนกับทริป คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า
ใครที่พลาดไปคลิ๊กอ่านที่นี่ก่อนได้ (แล้วอย่าลืมกลับมาอ่านตอนนี้ล่ะ) >>>
เรื่องเล่าจากเมืองเก่า คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า EP1 : ซากุระบานที่คุนหมิง
เรื่องเล่าจากเมืองเก่า คุนหมิง-ลี่เจียง-แชงกรีล่า EP2 : หลงเสน่ห์ 3 เมืองเก่าลี่เจียง
— DAY 3 —
Impression Lijiang 印象丽江 – Lan Yue Gu 蓝月谷 – Heilongtan Park 黑龙潭公园
หลังจากรู้ว่าวันนี้กระเช้าที่ขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก ปิด!! เราเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนทันที โดยตกลงกันว่าจะไปดูการแสดง Impression Lijiang แทน
การแสดง Impression Lijiang อยู่ภายในพื้นที่ของอุทยาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาหิมะมังกรหยก และเป็นที่ที่เราจะไปกันในวันนี้ ไฮไลท์ของอุทยานคือ การขึ้นกระเช้าไปบนภูเขาหิมะ (แต่…วันนี้เราไม่ได้ขึ้น) นอกจากการขึ้นกระเช้าและชมการแสดงแล้วยังมีอีกหลายที่ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงามอีกด้วย
การเดินทาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีเหมารถไปกัน เพราะง่ายและสะดวก แต่ค่ารถก็จะแพงหน่อย (ถ้าจะใช้วิธีนี้ แนะนำให้ติดต่อผ่านทางโรงแรม เพราะส่วนใหญ่คนขับรถจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้าติดต่อเองจะลำบากมาก มีหลายแพคเกจให้เลือก)
แต่ด้วยความบังเอิญ เราหาข้อมูลพบว่า มีรถสาย 7 สามารถเดินทางไปที่นี่ได้ โดยขึ้นรถที่ฝั่งตรงข้ามอนุสาวรีย์ท่านเหมา เจ๋อ ตุง หรือเรียกว่า Red Sun Square (Mao Zedong Monument) เราเลยขอถาม Information เพื่อความชัวร์อีกทีว่าไปด้วยวิธีนี้ได้ใช่มั้ย สรุปว่าไปได้ค่ารถคนละ 20 หยวนถูกมาก
เราจะลองไปด้วยวิธีดู โดยที่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่า ถ้าไปถึงแล้วจะมีรถกลับลงมาได้รึป่าว แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ ลองไปดูก่อนละกัน คิดว่าไปเองแบบนี้น่าจะมันส์กว่าเยอะ เหมารถมันง่ายไปนิด 555
แล้วเรื่องราวชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้น ระหว่างที่เรากำลังเดินหารถสาย 7…
คือเราเจออนุสาวรีย์ท่านเหมาแล้วนะ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องขึ้นรถตรงไหน เดินไปป้ายรถเมล์ มองดูที่ป้าย ก็ไม่เห็นว่าจะมีเลข 7 เลยเดาว่าคงจะไม่ได้ขึ้นที่ป้ายนี้แน่ๆ เอาล่ะสิ! แล้วมันต้องขึ้นรถตรงไหนวะเนี่ย?
ระหว่างที่กำลังเดินหาที่ขึ้นรถอยู่นั้น จะมีคนเข้ามาเสนอแพคเกจตลอดทาง แต่ว่า…ในบรรดาที่เข้ามาคุยด้วยเป็น 10 คน ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้แม้แต่คนเดียว เราเลยไม่สนใจมุ่งมั่นที่จะหาสาย 7 ต่อไปให้ได้ เดินปฏิเสธไปตลอดทาง หลายคนที่โดนปฏิเสธ ไม่มีใครตื้อต่อ แต่มีป้าอยู่คนนึง พยายามมาก เดินตามตลอด แล้วก็รัวจีนใส่ตลอดด้วยเหมือนกัน เรายืนยันว่าเราไม่ไป No No No อย่างเดียว จนป้ายอมถอยทัพกลับไป
จากป้ายรถเมล์ เดินย้อนกลับมาใหม่ หันไปเห็นรถตู้คันเล็กๆอยู่ 3-4 คัน มีเลข 7 อยู่ด้วยประกอบกับภาษาจีนเต็มไปหมด คิดว่า ต้องใช่คิวรถตู้นี้แหละ ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปถามเลย โดยการเอารูปให้ดู แล้วเค้าก็พยักหน้า เป็นสัญญาณตอบรับ
เฮ้ยยยย! เจอแล้วเว้ยยย สาย 7 หาอยู่ตั้งนาน รออะไรล่ะ รีบขึ้นสิ!
อย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องจะจบแค่นี้นะ ยังมีเรื่องวุ่นๆกำลังจะเกิดขึ้นตามมาอีก ให้ดูหน้าตารถกันไปก่อน เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังต่อ…
นั่งอยู่บนรถได้สักพัก ป้าที่ตื้อเราเมื่อกี้ก็เดินเข้ามาหา (อะไรล่ะป้า ยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย) ป้ายื่นโทรศัพท์ให้ คิดว่าคงไปหาคนที่คุยภาษาอังกฤษได้มาคุยด้วย เราก็เลยรับแล้วคุยกันสักพัก แต่ก็คุยกันไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ได้ความว่าเค้าคิดค่ารถไป 100 หยวน กลับ 100 หยวน (แต่เราไม่รู้ว่าราคานี้คือราคาเหมาแล้วหรือราคาต่อคน เพราะพยายามถามเค้าแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเราเท่าไหร่ เราเลยยืนยันไม่ไป เพราะคุยกันค่อยไม่รู้เรื่องพยายาม Hard Sell อย่างเดียวเลย)
ระหว่างที่รอรถออก…ซึ่งไม่ออกสักที แล้วก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาหา พยายามพูดภาษาอังกฤษแต่ก็พูดได้น้อยมาก ต้องใช้ app แปลภาษาช่วย (โอยยยย…อะไรอีกเนี่ย ยังไม่ลดละอีกเหรอ)
ผู้ชาย : พยายามถามว่า เราจะไปภูเขาหิมะมังกรใช่มั้ย
เรา : ใช่
ผู้ชาย : มันต้องเสียค่าเข้านะ
เรา : รู้แล้ว เดี๋ยวจะไปซื้อตั๋วเองที่นั่นเอง (จะมาบอกทำไมวะเนี่ย งง)
ผู้ชาย : พยายามบอกอีกว่า มันต้องเสียค่าเข้านะ
เรา : รู้แล้ว จะไปซื้อเองที่นั่นไง คุณต้องการอะไร มาบอกทำไมเนี่ย
ป้าที่ตื้อก็เดินกลับมาสมทบ เฮ้ยยยย!! จะมากดดันอะไร ก็บอกว่าไม่ไปไง ไม่ไปไง เข้าใจมั้ย
ผู้ชาย : ถ้าไปกับป้าคนนี้ 100 หยวน (อ๋อ มาช่วยป้านี่เอง)
เรา : ไม่ไป จะไปคันนี้ 20 หยวนเอง โอเคนะ
ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่พักใหญ่ ไอ้เราก็สายแข็ง ไม่ไปไหนทั้งนั้น นั่งก้นติดเบาะอยู่ในสาย 7 นี่แหละ จะมารุมยังไงก็ช่าง ไม่สน สักพักมีผู้ชายอีกคนเดินมาเปิดประตูรถข้างหน้า ไม่รู้เป็นใคร (แต่เราเห็นเค้ายืนอยู่แถวนี้นานแล้ว) ถามเค้าว่าเค้าพูดภาษาอังกฤษได้มั้ย เค้าตอบกลับมาว่า Yes!! เฮ้ย! ได้ยินคำว่า Yes!! แล้วดีใจมาก คุยกับเค้าต่อ…
ถามว่าเค้าเป็นคนที่นี่หรือเป็นนักท่องเที่ยว เค้าบอกว่าเค้าเป็นนักท่องเที่ยว ชาวฮ่องกง (ตาเรางี้เป็นประกายขึ้นมาทันที) แสดงว่าภาษาจีนแกต้องได้ แถมอังกฤษแกก็คล่องด้วย รอดแล้วโว้ยยยยยย!!! ลุงแกบอกว่าจะไปที่เดียวกับเรา บอกเราไม่ต้องห่วง เดี๋ยวลุงจะคอย Take Care เราเอง…ใจลุงหล่อมากกกก
แล้วเรื่องวุ่นๆก็จบลงตั้งแต่ลุงฮีโร่คนนี้ขึ้นมา…(ถ้าลุงเข้ามาตั้งแต่แรกเรื่องก็จบไปนานแล้วมั้ยลุง)
ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะไม่ได้ขึ้นกระเช้าไปบนภูเขาหิมะมังกรหยก แต่เราก็ยังได้เห็นความงามของภูเขาลูกนี้แบบเต็มตาตลอดทาง และอดไม่ได้จริงๆที่จะต้องขอให้คนขับจอดรถ เพื่อที่จะได้ลงไปถ่ายรูปแบบชัดๆ
ถึงทางเข้าอุทยาน Yulong Snow Mountain National Scenic Area เราจะต้องเสียค่าเข้าคนละ 130 หยวน และค่าเข้าเมืองเก่าอีก 80 หยวนสำหรับคนที่ยังไม่เคยเสีย แต่ถ้าใครเคยเสียแล้วตั้งแต่ตอนอยู่ Lijiang Old Town ก็ใช้ใบนั้นโชว์ให้เค้าดูได้เลย
ภูเขาหิมะมังกรหยก หลายคนเรียกว่า Jade Dragon Snow Mountain แต่ที่หน้าตั๋วเค้าจะเขียนว่า Yulong Snow Mountain (ถ้าเราคุยกับคนแถวนั้นแล้วใช้คำว่า Yulong เค้าจะเข้าใจเรามากกว่าคำว่า Jade Dragon นะ)
เข้ามาภายในอุทยาน พี่คนขับจะแวะให้เราลงไปถ่ายรูปที่บริเวณความสูง 3,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล พื้นดินสีน้ำตาล กับแนวต้นไม้สีเขียว ประกอบกับฉากหลังที่งดงามของภูเขาหิมะมังกรหยก ช่างสวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ
Impression Lijiang
印象丽江
หลังจากชื่นชมความงามของภูเขาหิมะมังกรหยกในระยะไกลกันไปแล้ว เราจะขยับเข้าไปใกล้กันอีกนิด โดยไปชมการแสดงที่ยิ่งใหญ่อลังการของผู้กำกับชาวจีนชื่อดัง จาง อี้โหมว กับการแสดงชุด Impression Lijiang เวทีการแสดงชุดนี้ใช้ธรรมชาติที่สวยงามอย่างภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลัง กับนักแสดงอีกหลายชีวิต
วันที่เราไปดู มีการแสดง 2 รอบคือ 11.10 น. และ 13.30 น. ค่าเข้าชมคนละ 248 หยวน (สำหรับรอบการแสดงเราอยากให้ไปสอบถามข้อมูลจาก Information ก่อนที่จะไปจริง ว่ามีรอบกี่โมงบ้าง เพราะเราเคยหาข้อมูลมาก่อนแล้วแต่รอบการแสดงไม่ใช่เวลานี้)
ก่อนที่เราจะลงจากรถ เราพยายามมองรอบๆแถวนั้นว่ามีรถสาธารณะอะไรให้เรากลับเข้าเมืองได้บ้าง ซึ่งมองดูแล้วไม่มีเลย เราพยายามจะคุยกับพี่คนขับว่าให้เค้ารออยู่ที่นี่ได้มั้ย ซึ่งเค้าตอบกลับมาว่า เดี๋ยวเค้าจะรอรับเราอยู่ที่นี่แหละไม่ไปไหน (ใจดีจังอ่ะ เหมือนกับว่าจริงๆแล้วเค้าตั้งใจจะรอรับเราอยู่แล้ว) หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อย พี่คนขับอาสาไปซื้อตั๋วค่าเข้าให้ ซื้อเสร็จได้ตั๋วมาก็คอยบอกว่าให้ไปต่อแถวตรงไหนที่คนจะน้อยหน่อยไม่ต้องไปแย่งกับคนอื่นมาก น่ารักจริงๆ (ตั้งแต่อยู่ในจีนมาหลายวัน ได้เจอคนจีนดีๆ มีน้ำใจเยอะมาก)
เข้าคิวด้านหน้ากันสักพัก ถึงเวลาเปิดประตูให้ทุกคนได้เข้าไปชมความงาม และความยิ่งใหญ่ของการแสดงนี้กันแล้ว
การแสดงครั้งนี้จบลงด้วยความประทับใจ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ช่วงที่เราไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อากาศหนาว แต่แดดก็แรงมากเหมือนกัน ดังนั้นถ้าใครจะไปดูการแสดงนี้ ซึ่งเป็นการแสดงกลางแจ้ง อยากให้เตรียมอุปกรณ์กันแดดกันไปดีๆ ไม่งั้นมีหน้าดำแดงเหมือนชาวทิเบตแน่ๆ
หลังจากดูการแสดงจบ เราอยากไปอีกที่นึงคือ Lan Yue Gu ซึ่งอยู่ภายในอุทยาน เลยคุยกับพี่คนขับว่าช่วยพาไปที่นี่ได้มั้ย เค้าบอกว่าได้แต่ต้องคิดเงินเพิ่มเป็นคนละ 50 หยวนนะ จากปกติถ้ากลับเลยจะคนละ 20 หยวน เราโอเคเพราะเพิ่มอีกแค่คนละ 30 หยวนเองรับได้ (ที่เรายอมตกลงจ่ายเงินเพิ่มนั้น เพราะพี่เค้าดูใจดี มีน้ำใจ ไม่ Hard Sell อะไรเลย เราเลยยินดียอมจ่ายแบบง่ายๆ พร้อมแล้วไปกันเลยพี่ let’s go…
Lan Yue Gu
蓝月谷
Lan Yue Gu 蓝月谷 หลายคนมักจะเรียกว่า Blue Moon Lake แต่ตอนที่เราถาม Information เค้าเขียนใส่กระดาษมาให้แบบนี้ ซึ่งพอถามว่ามีชื่อเรียกภาษาอังกฤษมั้ย เค้าบอกว่าไม่มี งั้นเราขอเรียกที่นี่ว่า Lan Yue Gu ตามแบบคนที่นี่เรียกแล้วกัน
เมื่อนั่งรถมาถึงบริเวณนี้ เห็นสีของน้ำแล้วอยากจะรีบกระโดดลงจากรถ เพื่อไปสัมผัสความงามแบบใกล้ๆ สายน้ำกับขุนเขาที่ยิ่งใหญ่ ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ สวยงามอย่างกับภาพวาด น้ำสีฟ้า ภูเขาสีเขียว น้ำตกขั้นบันไดเล็กๆ กับภูเขาหิมะลูกใหญ่ ทุกอย่างมันดูสวยงามไปหมด
เมื่อสัมผัสความงดงามบริเวณน้ำตกขั้นบันไดเรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งรีบขึ้นรถกลับนะ เพราะมันไม่ได้มีแค่ฝั่งเดียว ส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่จะเดินกันแค่ฝั่งนี้แล้วคิดว่าหมดแล้ว จริงๆยังมีที่เดินไปได้อีก ให้เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งนึง แล้วคุณจะต้องอึ้งกับสีของน้ำแน่ๆ น้ำสีฟ้ามาก (เสียงสูงปรี๊ด) สวยมาก สวยมากจริงๆ จะเรียกว่าสีฟ้าอะไรดีล่ะ ฟ้าคราม ฟ้าเทอควอย์ ฟ้าอะไรก็ไม่รู้แหละ รู้แต่ว่ามันสวยมาก
สถานที่สวยงามแบบนี้ ทำให้วันนี้เราได้เห็นคู่รักหลายคู่มาถ่าย Pre-Wedding กันด้วย โรแมนติกน่าดู อากาศหนาวมาก เจ้าสาวไม่หนาวกันบ้างเหรอเนี่ย
เดินต่อมาเรื่อยๆจะเจอน้ำตกขนาดใหญ่ เราตื่นเต้นมากที่ได้เห็นภาพสวยงามแบบนี้ เราไม่เคยเห็นน้ำตกนี้ในรีวิวตอนที่หาข้อมูลมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าไฮไลท์ของที่นี่คือน้ำตกขั้นบันไดเล็กๆของอีกฝั่งนึงที่เดินผ่านมาแล้วก็ได้ ทำให้เรามองข้ามจุดนี้ไป
ตอนที่เราไปน้ำค่อนข้างแห้ง จนสามารถเดินลงไปถ่ายรูปได้เลย ถ่ายรูปกันเพลินมาก จนพอจะเดินกลับรู้สึกว่าน้ำมันเริ่มขึ้นเยอะ แล้วก็ขึ้นเร็วมาก ดังนั้นถ้าใครจะไปตรงบริเวณนี้ แล้วเจอน้ำแห้งแบบเรา โปรดอย่าชะล่าใจเป็นอันขาด เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะ
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร นานจนพอเราเดินกลับมาที่รถ แล้วพี่คนขับไม่อยู่แล้ว เห็นแต่รถจอดอยู่ คิดว่าคงไปเดินตามหาเรา โชคดีที่พี่คนขับฝากบอกรถอีกคันไว้ว่า ถ้าเรามาถึงแล้วให้โทรบอกเค้าด้วย เลยไม่ต้องรอนานไม่งั้นตามหากันไปมาไม่เจอกันสักทีแน่ๆ วันนี้เต็มอิ่มกับธรรมชาติที่งดงามมากๆ ได้เวลาต้องกลับเข้าเมืองกันแล้ว พี่คนขับขับกลับมาส่งที่เดิมบริเวณอนุสาวรีย์ท่านเหมา เจ๋อ ตุง ตั้งแต่เช้าข้าวยังไม่ตกถึงท้อง เพราะมัวชุลมุนวุ่นวายกับเรื่องรถกันอยู่ ดูโชว์เสร็จซื้อไส้กรอกกินกันหิวไปก่อน จนตอนนี้เกือบบ่ายสามแล้ว เดินผ่าน KFC ขอจัดก่อนละกัน แล้วค่อยไปที่อื่นกันต่อ
Heilongtan Park
黑龙潭公园
กินอิ่มแล้วเดินต่อได้ จุดหมายปลายทางต่อไปของเราคือ สระมังดำ หรือ Black Dragon Pool แต่คนที่นี่เค้าจะเรียกว่า Heilongtan Park 黑龙潭公园 ถ้าหาป้ายบอกทางให้มองหาคำนี้นะ ถ้าหาคำว่า Black Dragon Pool ไม่เจอแน่ๆ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจาก Lijiang Old Town ประมาณ 1 กม. สามารถเดินได้สบายๆ ก่อนจะเข้าต้องโชว์ใบค่าเข้าเมืองเก่าให้ดูก่อน (ถ้าไม่มีก็ต้องเสียคนละ 80 หยวน) ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันมาก เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามผสมผสานกับสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างลงตัว สระน้ำ ภูเขา หิมะ สะพานข้ามน้ำ และศาลาจีน ถ้าใครมีเวลาเหลือมานั่งเล่นที่นี่ก็เพลินๆดี
Lijiang Old Town
丽江古城
จากสระมังกรดำเราเดินกลับมานั่งเล่นที่เมืองเก่าลี่เจียง นั่งดูคนเดินไปเดินมาเพลินๆ แล้วก็รอเวลาดูการเต้นรำแบบดั้งเดิมของชนเผ่า Naxi ด้วย
ประมาณ 6 โมงเย็น เราเดินไปถามที่ Information ว่าวันนี้จะมี Traditional Dancing กี่โมง และเต้นกันที่ไหน (ต้องมีเรื่องให้เข้ามาคุยกับ Information ทุกวันสิน่า 555 แต่แนะนำเลยนะ มีอะไรถามได้ทุกอย่างให้ข้อมูลดีมากๆ) เค้าบอกว่าจะมีเต้นกันตอน 18.30 น. ตรงนี้แหละ (บริเวณนี้เรียกว่า Square Market)
เราก็นั่งรออยู่สักพักจน 6 โมงครึ่งแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของชนเผ่า Naxi เลยเวลามาได้สักพัก จนท. Information ก็รีบวิ่งเข้ามาหาเรา บอกว่าวันนี้บริเวณนี้เค้ายกเลิกไม่เต้นแล้ว แต่มีอีกที่นึงเดี๋ยวเค้าจะพาเราไปเอง (พาเดินไปเลยเหรอเนี่ย คือใส่ใจมาก จริงๆจะปล่อยผ่านไปเลยก็ได้นะ แต่ยังอุตส่าห์จำได้ว่าเราอยากดูการเต้นรำของชนเผ่า Naxi แถมยังพาเดินไปที่ใหม่อีก ถ้ามีให้คะแนนการบริการนะ คะแนนเต็มเท่าไหร่เราให้เท่านั้นเลยจริงๆ ประทับใจมาก)
เดินมาถึงบริเวณใกล้ๆกับกังหันน้ำ ที่เป็นแลนมาร์คของที่นี่ เห็นชนเผ่า Naxi กำลังล้อมวงเต้นรำอยู่กับนักท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน เราขอบคุณ จนท. ที่เดินมาส่ง ทำให้เราไม่พลาดที่จะได้ดูการเต้นรำพื้นเมืองแบบนี้ และเราก็อดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมวงไปเต้นกับเค้าด้วย ^^
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่ที่ลี่เจียงกัน ขอปิดท้ายวันนี้และตอนนี้ด้วยการเดินไปหาของกินก่อนเข้าที่พัก เพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวเดินทางกันต่อพรุ่งนี้เช้า
พรุ่งนี้เราต้องนั่งรถต่อไปอีกประมาณ 4 ชม. เพื่อไปสัมผัสดินแดนในฝันของใครหลายๆคน แล้วพบกันใหม่ที่ “แชงกรีล่า”
สวยมากเลยค่ะ ไปช่วงเดือนไหนคะเนี่ย
ปลายเดือนมี.ค.ค่ะ ??