Korea Autumn ไปตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่เกาหลีกัน

 เกริ่นหน่อย

“อันยองฮาเซโย” คำทักทายแบบนี้ได้ยินตลอดทั้งทริปที่ไปเกาหลี เราเลยขอหยิบคำนี้มาทักทายเพื่อนๆหน่อย ก่อนจะพาไปดูบันทึกการเดินทางของเราว่าไปไหนกันมาบ้าง สโรเคยไปเกาหลีมาแล้วสองครั้ง อาร์ตยังไม่เคยไป ครั้งนี้ครั้งแรก เราเลือกกันอยู่ว่าจะไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือหิมะดี สรุปมาลงตัวที่ใบไม้เปลี่ยนสี เพราะอยากไปตามหาสีสันของใบไม้หลากสี เขียว เหลือง แดง เต็มเมืองคงจะสวยน่าดู หลังจากสรุปได้ก็รีบส่องหาตั๋วเครื่องบินกันก่อนเลยเป็นอันดับแรก และโชคดีก็เป็นของเรา


โบยบิน

การเดินทางของเราในครั้งนี้ บินกับ Thai AirAsia X ทั้งไปและกลับ ไปกัน 8 วัน ช่วงปลายเดือนตุลาคม ที่เราบอกว่าโชคดี เพราะครั้งนี้เราได้นั่ง Premium Flatbed [เปรียบเหมือนกับ Business Class] ในราคาที่ประหยัดมาก คุ้มค่า สะดวกสบาย

อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ามากน่ะเหรอ

  • เริ่มจากราคาก่อนเลย จองได้ประมาณ 14,000 บาท ซึ่งราคานี้ใกล้เคียงกับชั้นปกติ Economy มากๆ จัดว่าคุ้ม
  • ต่อมาที่น้ำหนักกระเป๋า ให้กันเต็มๆ คนละ 40 กิโล เอาเข้าจริงเราก็ใช้ไม่ถึงนะ
  • อีกอย่างที่เราว่าสะดวกสบาย คือไม่ต้องรอต่อคิวยาวๆ ตอน check in โหลดกระเป๋า เพราะมีช่องพิเศษสำหรับ Premium Flatbed เลย
  • กระเป๋าก็จะติด Tag Express Bag ให้ พอไปถึงสนามบินปลายทาง กระเป๋าเราก็จะออกมาเป็นใบแรกๆ
  • ตอนขึ้นเครื่องก็ได้ขึ้นก่อนใคร มีทางเข้าพิเศษสำหรับ Premium Flatbed ด้วย
  • ที่นั่งสามารถปรับเอนนอนได้สบายๆ มีหมอน ผ้าห่มให้พร้อม รวมอาหารด้วย บรรยายมาขนาดนี้ คุ้มมั้ยล่ะ เราว่าคุ้มนะ
  • จองตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียผ่าน Traveloka ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการจอง ประหยัดคุ้มค่า แถมจ่ายเงินง่าย เพราะว่าเค้ามีหลากหลายช่องทางให้บริการ แม้ไม่มีบัตรเครดิต ตามมาที่ลิ้งค์นี้เลย >> https://www.traveloka.com/th-th/airasia

korea autumn 01

ขอเอารูปตอนขากลับมาให้ดูแล้วกันนะ เพราะขาไปแทบไม่ได้ถ่ายไว้เลย คนเยอะ แล้วทุกคนก็แลดูรีบๆ เลยถ่ายมาได้ไม่กี่รูป ด้านหลัง Premium Flatbed จะเป็น Quiet Zone

korea autumn 02

ขาไปมีสะดุดอยู่นิดหน่อย คือมีข้อความแจ้งเข้ามาวันที่เราจะเดินทางพอดี ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเวลาบิน ช้าไปจากเวลาเดิมเกือบ 2 ชม. ปกติต้องบิน 01.55 น. เปลี่ยนเป็นบิน 03.40 น.แทน จากบินดึก กลายเป็นบินเกือบเช้า กระบวนการนอนเลยคลาดเคลื่อน ไม่ได้นนอนตุนไว้ก่อนด้วยดิ แต่ไม่เป็นไรนั่งเล่นนอนเล่นที่สนามบินเอาละกัน นี่แหละชีวิตการเดินทาง มีผิดแผนบ้างไรบ้าง เดี๋ยวค่อยปรับแผนกันใหม่ได้ เลยเอาสภาพตอนรอขึ้นเครื่องมาให้ดูซะหน่อยดีกว่า เก้าอี้เป็นของเรา กระเป๋ากล้องคนละใบวางเกะกะกันแบบนี้แหละ

korea autumn 03

korea autumn 04


เริ่มต้น DAY 1

ผ่านด่านตม. – ฝากกระเป๋าก่อนไปเที่ยวนอกเมือง – Dongseoul Bus Terminal – Sokcho – The House Hostel

ว่ากันเรื่อง ตม. เกาหลี

เริ่มต้นวันแรก ถึงสนามบินอินชอน ประมาณ 11 โมง ว่ากันเรื่องของ ตม.เกาหลีกันสักหน่อย เพราะหลายคนอาจเป็นกังวลกับตม.ที่นี่ อย่างที่บอกไปแล้วว่าสโรเคยไปเกาหลีแล้วสองครั้ง ตม.เลยไม่ถามอะไรสักคำ ผ่านฉลุย ส่วนอาร์ต เป็นครั้งแรกของการจะก้าวขาเข้าประเทศเค้า ตม.ก็มีถามนิดนึง แล้วก็ขอดูเอกสารการจอง รร. อาร์ตไม่ได้ถือติดตัวไว้ เอกสารอยู่ที่สโร เลยเดินเอาเข้าไปให้ พอตม. เห็นเราสองคนเท่านั้นแหละ ก็ร้องอ่อ!.. มาด้วยกันรึ หยิบเอกสารไปดูแป๊บนึงแล้วก็ปล่อยผ่าน สรุปผ่านฉลุยไม่น่ากลัวอะไร แต่ต้องบอกนิดนึงว่า วันนั้นเราใส่เสื้อไปเหมือนกัน สงสัยนี่จะเป็นข้อดีของการใส่เสื้อคู่ที่เราเพิ่งจะค้นพบสินะ ว่ามันทำให้เราผ่านตม.เกาหลีง่ายขึ้น [ฮ่าาาาาา] เอาจริงๆ ถึงไม่ได้ใส่เสื้อคู่ไป เอาเอกสารยื่นให้เค้าดู ยังไงก็ผ่านฉลุยอยู่ดีแหละ เอกสารชัดเจน มั่นใจเข้าไว้ ไม่ยากอย่างที่ใครๆพูดไว้หรอก


เริ่มออกเดินทาง

แพลนวันนี้เราจะเดินทางออกนอกเมืองกันก่อน กะว่าวันแรกเดินทางอย่างเดียวไปเลย ยังไม่ต้องไปเที่ยวไหน เพราะคิดไว้แล้วว่าบินดึกถึงเช้าไม่ค่อยได้นอน ต้องเปรี้ยแน่ๆไปนอนต่อบนรถบัสดีกว่า ที่แรกที่เราจะไปกันคือเมือง Sokcho เราจะไปนอนที่นั่นกัน 2 คืน แต่เราจะแวะไปฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กันก่อน เพราะไม่อยากลากไปด้วยพะรุงพะรัง จุดหมายปลายทางของเราตอนนี้ ก็คือ RAON Baggage Storage อยู่ที่สถานี Hongik Univ.

เดินทางเข้าเมือง

เราเลือกเข้าเมืองด้วย Airport Railroad (All Stop Train) ก่อนอื่นต้องมีบัตร T-money หรือ Cash bee กันก่อน หาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อที่สนามบินแล้วเติมเงินที่ร้านได้เลย แต่ว่าเราได้บัตร Cash bee จากที่อสท.เกาหลีใจดีแจกให้ และไปรับมาก่อนแล้วตอนอยู่ที่ไทย แถมมีเงินในบัตรให้อีก 10,000 วอนด้วย เลยไม่ต้องแวะซื้อ แค่แวะเติมเงินที่ตู้อย่างเดียว เราเติมไว้ก่อนเลยคนละ 50,000 วอน เพราะขี้เกียจแวะเติมบ่อยๆ เดี๋ยวขากลับเหลือค่อยไป refund เงินคืนได้

korea autumn 05korea autumn 05

เดินไปตามป้าย Airport Railroad เลย พอเจอตู้ All Stop Train Tickets ก็เติมเงินที่นี่ได้เลย


 RAON Baggage Storage

  • Hongik Univ. Station Exit 6

นั่งเข้าเมืองเกือบ 50 นาที ก็ถึงสถานี Hongik Univ. เดินไปทางออกที่ 6 จะเห็น Raon Baggage Storage อยู่ด้านซ้าย ไปถึงก็จัดเสื้อผ้าที่จะไปอยู่ Sokcho ใส่เป้ให้เรียบร้อย แล้วเอากระเป๋าลากฝากไว้ 2 ใบ เราฝากไว้ 3 วันเพราะจะไปนอนที่ Sokcho กัน 2 คืน เค้าจะให้ใบฝากกระเป๋ามาแล้วค่อยจ่ายเงินทีหลังตอนที่กลับมารับกระเป๋า กระเป๋าเราเป็น Medium Size (21-30 นิ้ว) ราคาใบละ 9,000 วอน สำหรับฝาก 3 วัน แต่มีเรทราคาหลายเรทนะ ลองดูข้อมูลเพิ่มเติม RAON Baggage Storage ได้ที่นี่ >>> http://raonbaggagestorage.com/

RAON Baggage Storage 01RAON Baggage Storage 02


Dongseoul Bus Terminal 

  • Gangbyeong Station Exit 4

หลังจากฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบไปหาตั๋วรถบัสเพื่อเดินทางไป Sokcho กันต่อ นั่งรถไฟฟ้า Line 2 ไปลงสถานี Gangbyeon ออกทางออก 4 เดินข้ามถนนไป ก็จะเป็นสถานีขนส่ง Dongseoul Bus Terminal เลย ด้วยความที่เปรี้ย นอนมาแค่ 2-3 ชม. บนเครื่อง แถมเริ่มหิวแล้วด้วย พอไปถึงก็รีบหาช่องขายตั๋วไป Sokcho เลย ไปถึงชั้น 1 มีภาษาเกาหลีล้วนๆ เอาละงัย!! มองไปรอบๆเจอป้ายภาษาอังกฤษ Express Bus ให้ขึ้นไปชั้น 2 ลองขึ้นไปดูดีกว่า ยังไงก็มีภาษาอังกฤษอยู่บ้างล่ะน่า ไปถึงมองหาคำว่า Sokcho ก่อนเลย พอเจอเท่านั้นแหละตรงดิ่งไปซื้อตั๋วทันที ได้ตั๋วมาเรียบร้อยคนละ 17,200 วอน ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชม. ซื้อตั๋วตอนประมาณ 14.45 น. ได้รถรอบ 16.20 น. มีเวลาเหลือกว่ารถจะออก ไปหาอะไรกินแล้วเดินเล่นแป๊บ

Dongseoul Bus Terminal 01
Dongseoul Bus Terminal 02Dongseoul Bus Terminal 03Dongseoul Bus Terminal 04
Dongseoul Bus Terminal 05

ในโซลช่วงที่เราไป ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีกันให้เห็นบ้างแล้ว เดินเล่นสักพักได้เวลาขึ้นรถ คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะ แต่ก็พยายามจะบอกว่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม. นะยูว์ นั่งดูวิวไปเรื่อยๆ ใบไม้เปลี่ยนสีตลอดสองข้างทาง ตาเริ่มปิด ไม่ไหวละ งีบก่อน zzZZZ (นั่งไปประมาณ 1 ชม. จะมีแวะจอดให้เราเข้าห้องน้ำด้วย)


Sokcho

เราไปถึง Sokcho กันตอน 18.50 น. รถจอดที่ท่ารถ Sokcho Express Bus Terminal ด้วยความที่เริ่มเข้าหน้าหนาว ฟ้าก็จะมืดเร็ว ตอนที่ไปถึงก็มืดแล้ว แถมฝนตกอีกต่างหาก ที่พักที่เราจองไว้คือ The House Hostel อยู่ใกล้กับสถานีรถบัส แล้วก็เดินทางไปไหนก็สะดวกด้วย

แต่เดี๋ยวก่อน!!!! The House Hostel มันใกล้สถานีรถบัส Intercity Bus Terminal นะเฟ้ย ไม่ใช่ Express Bus Terminal ที่เรายืนอยู่ตอนนี้ ><!

จำตอนที่ซื้อตั๋วที่ Dongseoul กันได้ใช่มั้ย ที่บอกว่ามี 2 ชั้น แล้วชั้น 1 มันไม่มีภาษาอังกฤษอ่ะ เราว่ามันต้องซื้อตรงนั้นแน่เลย ถึงจะไปจอดที่ Intercity Bus Terminal ก็ใครจะไปกล้าซื้ออ่ะ ภาษาอังกฤษไม่มีสักตัว เราเลยเลือกที่ชัวร์ไว้ก่อนดีกว่า [ฮ่าาาาา]

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ที่ Sokcho มีสถานีรถบัสอยู่ 2 ที่ เตรียมแผนสำรองไว้เรียบร้อยว่า ถ้าเราเกิดพลาดได้ตั๋วที่มาจอด Express Bus Terminal แล้วล่ะก็ ก็แค่นั่ง Taxi ไปเลย ไม่ต้องคอยงมทางอยู่ Taxi ก็มีหน้าสถานีเลย หาไม่ยาก

เราพยายามบอกว่าไป The House Hostel พูดเท่าไหร่เค้าก็ไม่เข้าใจ เพราะสำเนียงไม่เหมือนกัน เลยควักเอกสารจองโรงแรมเอาชื่อให้ดู เป็นอันรู้เรื่อง ไม่ไกล แป๊บเดียวถึง ค่า taxi 3,800 วอน


The House Hostel

ไปถึงเจอ Mr.Yoo ที่ดูแลอยู่ที่นี่ ยืนอยู่ข้างหน้าพอดี ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ขอเวลาอธิบายที่เที่ยว ที่กินในเมือง Sokcho แป๊บนึง ว่าที่ไหนน่าไป ที่ไหนอร่อย นั่งรถเมล์สายไหน กี่นาทีถึง บอกหมด น่ารักมาก บริการดีมาก Check in กับ Mr.Yoo เรียบร้อย ก็พาเราไปที่ห้องพัก ห้องถือว่าโอเคเลย แต่ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ต้องปู ต้องใส่เองนะ เราไปถึงฟ้าก็มืดแล้ว เลยเอารูปที่ถ่ายทั้งตอนกลางคืน กับตอนเช้ามาให้ดูทีเดียวเลย บรรยากาศทั้งด้านใน ด้านนอก ที่ทานอาหารตอนเช้า ที่นั่งเล่น มีจักรยานให้ยืมด้วย ไว้ไปปั่นเล่นใกล้ๆ ได้

ดูข้อมูลหรือจองห้องพักที่นี่ได้เลย >>> http://www.thehouse-hostel.com/

The House Hostel 01The House Hostel 02The House Hostel 03 The House Hostel 04The House Hostel 05The House Hostel 06 The House Hostel 07

Sokcho nightlife

หลังจากเอาของเก็บไว้ที่ห้องเรียบร้อย ฝนก็ยังไม่หยุดตก เราเลยหยิบร่มของ The House Hostel ออกไปเดินเล่นใกล้ๆ หาอะไรกินกัน แล้วรีบกลับมานอนเอาแรงก่อน เพราะพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมไปเดินขึ้นเขากัน เอาบรรยากาศในเมือง Sokcho ใกล้ๆที่พักมาให้ดูกัน

Sokcho 01 Sokcho 02Sokcho 03

ออกเดินเขา DAY 2

Seoraksan National Park – Sinheungsa Temple – Abai Village

หลังจากนอนกันเต็มอิ่ม ตื่นมาแต่เช้าเตรียมตัวไปเดินเขากันที่ Seoraksan National Park ที่พักมีอาหารเช้าให้ ก็จะเป็นชา กาแฟ ขนมปัง นม ซีเรียล ประมาณนี้ กินเสร็จเตรียมตัวออกเดินทาง ซื้อเสบียงตุนที่ GS25 มินิมาร์ทหน้าปากซอยไว้นิดหน่อย จะไปเดินเขาก็ต้องเตรียมเสบียงให้พร้อมนิดนึง มีหมาน้อยนอนต้อนรับอยู่หน้าร้าน กระดิกหางดุ๊กดิ๊กอยากเล่นด้วยตลอดเวลา

Sokcho 04

ซื้อเสร็จ ก็เดินไปรอรถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ฝั่งเดียวกับ The House Hostel นะ รอไม่นานรถเมล์ก็มา ถ้าใครใช้บัตร T-money Mr.Yoo บอกว่าใช้ไม่ได้ ต้องจ่ายเป็นเงินสด 1,200 วอน แต่ตอนที่เราขึ้นรถเราเห็นสัญลักษณ์ Cash bee พอดี เลยเดาว่าบัตรที่เราถืออยู่น่าจะใช้ได้ ขึ้นรถไปลองติ๊ดดู ใช้ได้จริงๆ แถมมีส่วนลดด้วย เหลือแค่ 1,080 วอน นั่งไปสุดสายเลย ใช้เวลา 30 นาทีถึง ต้องบอกก่อนว่ารถเมล์ที่นี่ซิ่งน่าดู ทางคดเคี้ยวแอบมีหวิวๆ นิดๆ


Seoraksan National Park

  • รถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ฝั่งเดียวกับ The House Hostel
  • ค่าเข้า 3,500 วอน
  • ค่ากระเช้า Gwongeumseong 10,000 วอน

ถึง Seoraksan ก็ไปหาซื้อตั๋วกันเลย ค่าเข้าคนละ 3,500 วอน เราไปถึงตอน 09.30 น. คนเริ่มเยอะละ ไปถึงนี่เดินยิ้มตลอดทางเลย ก็สีสันของใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่มันสวยจริงๆ ถึงแม้ว่าวันนี้ฟ้าจะครึ้มไปหน่อย เพราะเมื่อคืนฝนตก วันนี้ก็ยังทำท่าจะตกอีก แต่ความสวยก็ยังคงสวยอยู่มากมาย

Seoraksan 01Seoraksan 02 Seoraksan 03Seoraksan 04 Seoraksan 05 Seoraksan 06 Seoraksan 07

เราเดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่นาน ยังเดินวนเวียนอยู่ด้านหน้าไม่ถึงข้างในสักที จริงๆเราต้องรีบเดินไปหาซื้อตั๋วเพื่อขึ้นกระเช้าไปบนยอดเขากวนกึมซอง Gwongeumseong เพราะเดี๋ยวคนจะเยอะมาก แต่กว่าเราจะเดินไปถึงที่ซื้อตั๋วก็ปาเข้าไป 10.40 น.ละ ทั้งๆที่ถ้าเดินไปจริงๆแป๊บเดียวก็ถึง อย่างที่บอกพวกเรามัวแต่ถ่ายรูปกันเพลินอยู่ เดินเข้าไปซื้อตั๋วที่อาคารนี้ สรุปได้ตั๋วรอบ 11.20 น. คนละ 10,000 วอน โชคดีมากที่ได้รอบนี้ เพราะพอเราซื้อเสร็จ หันมาถ่ายรูปตารางรอบ ปรากฎว่า Sold Out ยาวไปถึงรอบบ่ายเลย

Seoraksan 08 Seoraksan 09

ระหว่างรอเวลาก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปต่อ สีสันใบไม้แต่ละใบ สวยมากจริงๆ สีนี่แทบจะไม่เหมือนกันเลย เขียว เหลือง แดง ส้ม ไล่สีทั้งสีอ่อน สีแก่ เดินดูเพลินมาก

Seoraksan 10 Seoraksan 11Seoraksan 12Seoraksan 13

รอต่อคิวขึ้นกระเช้าตามรอบ กระเช้าขึ้นได้หลายคน แต่ละรอบนี่จัดแน่นเลยทีเดียว เอาบรรยากาศระหว่างทางตอนขึ้นกระเช้ามาให้ดูด้วย มองเห็นพระใหญ่ที่เราจะลงไปไหว้ด้วยนะ ส่วนใหญ่ที่เจอก็จะเป็นคนเกาหลีมีอายุหน่อย เค้าชอบมาเดินขึ้นเขาออกกำลังกายกัน แล้วเวลาแต่งตัวก็จะพร้อมมากๆ

Seoraksan 14 Seoraksan 15

พอไปถึงด้านบน ออกจากกระเช้าต้องเดินต่ออีกหน่อยก็จะถึงจุดหมายปลายทางของเราวันนี้ คือยอดเขากวนกึมซอง อย่างที่บอกว่าเมื่อคืนฝนตก ทางที่เดินก็ต้องระวังมากกว่าปกติ ถ้าพลาดนี่อาจมีลื่นล้มเจ็บตัวกันได้ แล้วเราก็มีเรื่องพลาดอยู่อย่างนึง คือไม่ได้คิดถึงเรื่องฝนตกมาก่อนเลย รองเท้าที่ใส่ไปก็ไม่ได้เตรียมการมาเพื่อเดินขึ้นเขากับพื้นลื่นๆ แบบนี้ ทำให้เราต้องเดินกันระวังสุดๆ

Seoraksan 16 Seoraksan 17 Seoraksan 18 Seoraksan 19

เดินถึงด้านบน แต่ยังไม่บนสุดนะ ถ้าจะให้บนสุดจริงๆ ต้องปีนขึ้นไปถึงเสาธงนั่น แต่เราขอถอดใจละกัน ลื่นๆแบบนี้มีหวังกลิ้งแน่ๆ วิวข้างบนนี้สวยมาก ถึงฟ้าจะหม่นๆ ครึ้มๆ ไปหน่อย แต่ธรรมชาติที่เราเห็นอยู่ตรงหน้า มันทำให้เราฟินสุดๆไปเลย

Seoraksan 20Seoraksan 21Seoraksan 22

หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติจนเต็มอิ่ม เราก็เดินลงเขาเพื่อนั่งกระเช้ากลับไปข้างล่าง แล้วเดินไปจุดอื่นกันต่อ ลงมาเห็นมีเหมือนเป็น food court เล็กๆ เลยแวะกินข้าวกันก่อน ก็บ่ายแล้วนิ เริ่มหิว เอ้า! แล้วเสบียงที่ตุนมาล่ะ? ก็ตอนแรกแพลนไว้ว่าพอลงจากเขานี้ จะไปต่ออีกเขานึง อันนั้นโหดกว่า เดินไปกลับประมาณ 4 ชม. คงต้องมีตุนเสบียงกันไว้บ้าง แต่ด้วยความที่พื้นมันค่อนข้างลื่น เราเลยเปลี่ยนแพลนเดินเล่นเพลินๆ ที่นี่ แล้วไปไหว้พระเข้าวัดกันแทนดีกว่า เสบียงที่ตุนไว้ ก็เลยหยิบออกมากินด้วยซะเลย มื้อนี้ขอลอง Jajang-Myeon หน่อย

Jajang-Myeon

Sinheungsa Temple

กินอิ่มแล้ว เดินไปไหว้พระใหญ่ แล้วเข้าวัด Sinheungsa Temple กัน การไหว้พระใหญ่ที่นี่ ใครจะยกมือไหว้ขอพรอย่างเดียวก็คงจะไม่เป็นไร แต่ถ้าใครจะจุดธูป เทียน ถวายข้าวสารด้วย ก็ได้ อย่างละ 10,000 วอน เราเลือก 3 อย่างเลย 30,000 วอน สำหรับเทียนกับข้าวสารจะมีให้เขียนชื่อ อายุ แล้วก็คำขอพรด้วย หลังจากไหว้พระขอพรแล้ว เราก็เดินเข้าไปในวัดกันต่อ

Sinheungsa Temple 01 Sinheungsa Temple 02 Sinheungsa Temple 03 Sinheungsa Temple 04 Sinheungsa Temple 05Sinheungsa Temple 06Sinheungsa Temple 07Sinheungsa Temple 08Sinheungsa Temple 09Sinheungsa Temple 10

เริ่มเย็นละ อยู่ที่นี่ทั้งวัน ดื่มด่ำบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้กันเต็มอิ่ม กลับเข้าเมืองดีกว่า รอรถกลับสายเดิม ป้ายเดิมกับตอนขามา รอไม่นาน ซิ่งเหมือนเดิม ครึ่งชั่วโมงถึง The House Hostel เอากระเป๋ากล้องครบชุดไปเก็บก่อน แล้วถือกล้องมาแค่ตัวเดียว ออกไปหาไรกินกัน


Abai Village

ถ้าใครมา Sokcho แล้วมีเวลาเดินเล่นชมเมืองรอบๆ ที่นี่คงเป็นอีกหนึ่งที่ ที่ต้องแวะมา คือ Abai Village เป็น Location ที่ถ่ายทำซีรีย์เรื่อง Autumn in my heart คือไม่ได้ติ่งนะ แต่ก็ขอเดินไปดูหน่อยละกัน 555 จากที่พักเราเดินไปได้นะ ไม่ไกล

Abai Village 01 Abai Village 02 Abai Village 03 Abai Village 04

หลังจากเดินเล่นแป๊บนึงก็เดินกลับไปหาอะไรกินแถวที่พักกัน คือไม่รู้จะเลือกร้านไหนนะ เอาร้านนี้ละกัน เมนูฮิตที่เห็นเค้าสั่งกันก็จะเป็นเมนูนี้นี่แหละเรียกว่าอะไรล่ะ ปลาย่าง หรือ ปลาปิ้ง หรือปลาเผา เรียกเอาสักชื่อละกัน ปลาอะไรก็ไม่รู้อร่อยดี

Sokcho 05 Sokcho 06Sokcho 07

ปิดท้ายตอนนี้ด้วยของกินละกัน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ Sokcho กันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะเดินทางเข้า โซล กัน ติดตามตอนหน้ากันนะว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้าง แล้วเจอกันใหม่ที่ โซล กับบรรยากาศคึกคักๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันเต็มเมือง ไปตามหา Korea Autumn กันต่อ

Previous Post
Next Post

2 thoughts on “Korea Autumn ตามหาใบไม้เปลี่ยนสีที่ เกาหลี EP1

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.